วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

‎ว่าด้วยเรื่องของมาตุคาม‬

ดูกรภิกษุทั้งหลาย
มาตุคาม ผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ ย่อมไม่เป็นที่ชอบใจของบุรุษโดย ส่วนเดียว องค์ ๕ เป็นไฉน คือ
๑ รูปไม่สวย
๒ ไม่มีโภคสมบัติ
๓ ไม่มีมารยาท
๔ เกียจคร้าน
๕ ไม่ได้บุตรเพื่อเขา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
มาตุคาม ผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ ย่อมเป็นที่ชอบใจของบุรุษโดย ส่วนเดียว องค์ ๕ เป็นไฉน คือ
๑ มีรูปสวย
๒ มีโภคสมบัติ
๓ มีมารยาท
๔ ขยันไม่เกียจคร้าน
๕ ได้บุตรเพื่อเขา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ความทุกข์แผนกหนึ่งของมาตุคาม ที่ตนจะต้องเสวย เว้นจากบุรุษ ๕ อย่างนี้ ความทุกข์ ๕ อย่าง เป็นไฉน คือ มาตุคามในโลกนี้
๑ เมื่อยังกำลังสาว ไปสู่สกุลผัว เว้นจากญาติ อันนี้เป็น ความทุกข์ แผนกหนึ่งของมาตุคามข้อต้น ที่ตนจะต้องเสวย เว้นจากบุรุษ ฯ
๒ อีกประการหนึ่ง มาตุคามมีระดู อันนี้เป็น ...ฯลฯ...
๓ อีกประการหนึ่ง มาตุคามมีครรภ์ อันนี้เป็น ...ฯลฯ...
๔ อีกประการหนึ่ง มาตุคามคลอดบุตร อันนี้เป็น ...ฯลฯ...
๕ อีกประการหนึ่ง มาตุคามเข้าถึง ความเป็นหญิงบำเรอของบุรุษ อันนี้เป็นความทุกข์แผนกหนึ่ง ของมาตุคามที่ ๕ ที่ตนจะต้องเสวย เว้นจากบุรุษ.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
มาตุคามผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการโดยมาก เมื่อแตกกาย ตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ธรรม ๓ ประการ เป็นไฉน คือ มาตุคามในโลกนี้
๑ เวลาเช้า มีใจอันมลทิน คือ ความตระหนี่กลุ้มรุมแล้ว อยู่ครองเรือน
๒ เวลาเที่ยง มีใจอันความริษยา กลุ้มรุมแล้วอยู่ครองเรือน
๓ เวลาเย็น มีใจอันกามราคะ กลุ้มรุมแล้วอยู่ครองเรือน
ดูกรอนุรุทธะ มาตุคามผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ เมื่อแตกกาย ตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ มาตุคามเป็นผู้
๑ ไม่มีศรัทธา
๒ ไม่มีหิริ
๓ ไม่มีโอตตัปปะ
*๔ มักโกรธ
๕ มีปัญญาทราม
*(นัยยอื่น เปลี่ยนข้อที่ ๔ -
- จากมักโกรธ เป็น
๔ มักผูกโกรธ,
๔ มีความริษยา,
๔ มีความตระหนี่,
๔ ประพฤตินอกใจ,
๔ เป็นคนทุศีล,
๔ มีสุตะน้อย,
๔ เกียจคร้าน,
๔ มีสติหลง.
ข้อความนอกจากนี้ เหมือนกันกับ พระสูตรข้างต้นทุกประการ.)
ดูกรอนุรุทธะ มาตุคามผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ เมื่อแตกกาย ตายไป
ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
มาตุคามเป็น
๑ ผู้ฆ่าสัตว์
๒ ลักทรัพย์
๓ ประพฤติผิดในกาม
๔ พูดเท็จ
๕ ดื่มน้ำเมาคือสุรา และเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
ดูกรอนุรุทธะ มาตุคามผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ เมื่อแตกกาย ตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ธรรม ๕ ประการ เป็นไฉน คือ มาตุคามเป็น ๑ ผู้มีศรัทธา
๒ มีหิริ
๓ มีโอตตัปปะ
* ๔ ไม่มักโกรธ
๕ มีปัญญา
*(นัยยอื่น เปลี่ยนข้อที่ ๔ -
-จากไม่มักโกรธ เป็น
๔ ไม่ผูกโกรธ
๔ ไม่มีความริษยา
๔ ไม่มีความตระหนี่
๔ ไม่ประพฤตินอกใจ
๔ เป็นคนมีศีล
๔ มีสุตะมาก
๔ ปรารภความเพียร
๔ มีสติตั้งมั่น
ข้อความนอกจากนี้ เหมือนกันกับ พระสูตรข้างต้นทุกประการ.)
ดูกรอนุรุทธะ มาตุคาม ผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ เมื่อแตกกาย ตายไป ย่อมเข้าถึง สุคติโลกสวรรค์ ธรรม ๕ ประการ เป็นไฉน คือ มาตุคามเป็นผู้งดเว้น
๑ ผู้งดเว้น จากการฆ่าสัตว์
๒ ผู้งดเว้น จากการลักทรัพย์
๓ ผู้งดเว้น จากการประพฤติผิดในกาม
๔ ผู้งดเว้น จากการพูดเท็จ
๕ ผู้งดเว้น จากการดื่มน้ำเมา คือสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำลังของมาตุคาม ๕ ประการนี้
๕ ประการ เป็นไฉน คือ
๑ กำลังคือ รูป
๒ กำลังคือ โภคะ
๓ กำลังคือ ญาติ
๔ กำลังคือ บุตร
๕ กำลังคือ ศีล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย มาตุคาม ผู้ประกอบด้วยกำลัง ๕ ประการนี้แล * เป็นผู้สามารถอยู่ครองเรือน ฯ
*(นัยยอื่น เปลี่ยนจาก เป็นผู้สามารถอยู่ครองเรือน ฯ เป็น
* ย่อมบังคับสามีอยู่ครองเรือนได้ ฯ
และ * ย่อมประพฤติข่มขี่สามีได้
ข้อความนอกจากนี้ เหมือนกันกับ พระสูตรข้างต้นทุกประการ.)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ส่วนบุรุษ ผู้ประกอบด้วย กำลังอย่างเดียว ย่อมประพฤติ ข่มขี่มาตุคามได้
กำลังอย่างเดียว เป็นไฉน ได้แก่ กำลัง คือความเป็นใหญ่ กำลังคือรูป ย่อมป้องกันมาตุคาม ผู้ถูกบุรุษข่มขี่แล้วได้
กำลังคือโภคะ กำลังคือญาติ กำลังคือบุตร กำลังคือศีล ป้องกันไม่ได้ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็เมื่อมาตุคาม ประกอบด้วย กำลังคือรูป กำลังคือโภคะ กำลังคือญาติ และกำลังคือบุตร แต่ไม่ประกอบด้วยกำลังคือศีล อย่างนี้ชื่อว่า ยังไม่บริบูรณ์ ด้วยองค์นั้น แต่เมื่อ มาตุคาม ประกอบด้วย กำลังคือรูป กำลังคือโภคะ กำลังคือญาติ กำลังคือบุตร และกำลังคือศีล อย่างนี้ชื่อว่า บริบูรณ์ด้วยองค์นั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
มาตุคามผู้ประกอบด้วย กำลังคือรูป กำลังคือโภคะ กำลังคือญาติ และกำลังคือบุตร แต่ไม่ประกอบด้วย กำลังคือศีล พวกญาติ ย่อมยังมาตุคามนั้น ให้พินาศ คือไม่ให้อยู่ในสกุล
แต่เมื่อมาตุคาม ประกอบด้วย กำลังคือรูป กำลังคือโภคะ กำลังคือญาติ กำลังคือบุตร และกำลังคือศีล
พวกญาติ ย่อมยังมาตุคามนั้น ให้อยู่ในสกุล ย่อมไม่ให้พินาศ
มาตุคามผู้ประกอบด้วย กำลังคือศีล
แต่ไม่ประกอบด้วย กำลังคือรูป
กำลังคือโภคะ กำลังคือญาติ กำลังคือบุตร พวกญาติ ย่อมยังมาตุคามนั้น ให้อยู่ในสกุล ย่อมไม่ให้พินาศ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย มาตุคามเมื่อแตกกาย ตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
เพราะกำลังคือรูปเป็นเหตุ เพราะกำลังคือโภคะเป็นเหตุ เพราะกำลังคือญาติเป็นเหตุ หรือเพราะกำลังคือบุตรเป็นเหตุ หามิได้ แต่ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะกำลังคือศีลเป็นเหตุ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำลังของมาตุคาม๕ ประการนี้แล ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ฐานะ ๕ ประการนี้ อันมาตุคาม ผู้มิได้ทำบุญไว้ ยากที่จะได้
ฐานะ ๕ ประการ เป็นไฉน คือ
๑ ขอเราพึงเกิดในสกุลอันสมควร นี้เป็นฐานะข้อที่ ๑ อันมาตุคาม ผู้มิได้ทำบุญไว้ ยากที่จะได้.
๒ ขอเราพึงไปสู่สกุลอันสมควร นี้เป็น ...ฯลฯ...
๓ ขอเราพึงอยู่ครองเรือน ปราศจากหญิงร่วมสามี นี้เป็น ...ฯลฯ...
๔ ขอเราพึงมีบุตร นี้เป็น ...ฯลฯ...
๕ ขอเราประพฤติครอบงำสามี นี้เป็น ฐานะข้อที่ ๕ อันมาตุคาม ผู้มิได้ทำบุญไว้ ยากที่จะได้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ฐานะ ๕ ประการนี้ อันมาตุคาม ผู้ทำบุญไว้ ได้โดยง่าย
ฐานะ ๕ ประการเป็นไฉน คือ
๑ ขอเราพึงเกิดในสกุลอันสมควร นี้เป็นฐานะข้อที่ ๑ อันมาตุคาม
ผู้ทำบุญไว้ ได้โดยง่าย
๒ ขอเราพึงไปสู่สกุลอันสมควร นี้เป็น ...ฯลฯ...
๓ ขอเราพึงอยู่ครองเรือน ปราศจากหญิงร่วมสามี นี้เป็น ...ฯลฯ...
๔ ขอเราพึงมีบุตร นี้เป็น ...ฯลฯ...
๕ ขอเราพึงประพฤติครอบงำสามี นี้เป็น ฐานะข้อที่ ๕ อันมาตุคาม ผู้ทำบุญไว้ ได้โดยง่าย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
มาตุคามผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ เป็นผู้สามารถ อยู่ครองเรือน
ธรรม ๕ ประการ เป็นไฉน คือ มาตุคามเป็นผู้
๑ งดเว้น จากการฆ่าสัตว์
๒ งดเว้น จากการลักทรัพย์
๓ งดเว้น จากการประพฤติผิดในกาม
๔ งดเว้น จากการพูดเท็จ
๕ งดเว้น จากการดื่มน้ำเมา คือสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้ง แห่งความประมาท
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
อริยสาวิกา เมื่อเจริญด้วย วัฑฒิธรรม ๕ ประการ ย่อมเจริญด้วย วัฑฒิธรรมอันเป็นอริยะ เป็นผู้ถือเอาสาระ และถือเอา สิ่งประเสริฐของกาย ไว้ได้ วัฑฒิธรรม๕ ประการ เป็นไฉน คือ
อริยสาวิกาย่อมเจริญด้วย
๑ ศรัทธา
๒ ศีล
๓ สุตะ
๔ จาคะ
๕ ปัญญา
* สตรีใดเจริญด้วยศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ และปัญญา สตรีเช่นนั้น เป็นอุบาสิกาผู้มีศีล ย่อมถือ สาระของตนในโลกนี้ไว้ได้ ฯ
พระไตรปิฎกไทย(ฉบับหลวง) เล่มที่๑๘ หน้า ๒๕๑-ข้อ ๔๕๘-๔๙๖.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น