วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สังฆทาน ที่อานิสงส์มากกว่าปกติ




ผมเข้าใจว่าบรรดาท่านทั้งหลาย เข้าใจอานิสงส์การถวายสังฆทานเป็นอย่างดีทุกท่านแต่ที่ผมนำมาเสนอให้อ่านนี่ ความจริงก็เป็นเรื่องเดิมๆ ที่บรรดาท่านทั้งหลายทราบกันอยู่แล้ว เพียงแต่นำมาให้อ่านใหม่ให้ชุ่มฉ่ำชื่นใจอีกรอบ เพราะผมอ่านไม่ว่ากี่ครั้งๆ ก็ไม่เคยเบื่อ ตรงกันข้าม ยิ่งอ่านยิ่งอยากทำสังฆทานเยอะๆ เพราะ >>>


- นอกจากจะ อานิสงส์มหาศาลแล้ว ยังทำง่ายๆ ไม่ต้องเสียเวลาแสวงหา-เลือกพระที่เป็นพระจริงๆ ให้เสียเวลา

- และหากเราโชคดี ได้ถวายกับตัวแทนสงฆ์ที่มารับสังฆทานเป็นพระอริยเจ้านี่ อานิสงส์ยิ่งจะทวีเป็นแสนๆ เท่า

- และยิ่งเป็นพระอริยเจ้าระดับพระอรหันต์ด้วยแล้วยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก

- และถ้าหากเป็นพระอรหันต์ที่ออกจากสมาบัติมารับสังฆทานด้วยแล้ว ยิ่งมีอานิสงส์อภิมหาศาล

เฉกเช่น ในสมัยองค์สมเด็จพระพุทธทีปังกร พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเสวยพระชาติเป็น "สุเมธดาบส" สมเด็จพระพุทธทีปังกรทรงต้องการให้ท่านสุเมธดาบสบารมีเต็มเร็วๆ จึงตรัสสั่งให้พระอรหันต์ที่ติดตามนับแสนรูปเข้าสมาบัติก่อนโดยมีพระองค์เป็นประธาน หลังจากนั้นจึงรับการถวายสังฆทานจากท่านสุเมธดาบส

สังฆทานที่จะได้อานิสงส์ครบนั้น หลวงพ่อท่านบอกว่าควรมีพระพุทธรูปหน้าตักตั้งแต่ ๕ นิ้วขึ้นไป พร้อมปัจจัย ๔ ครบถ้วน และถ้าเราทำเป็นประจำอานิสงส์คือ "สวรรค์ชั้นนิมมานรดี" ความจริงสวรรค์ชั้นนี้เป็นที่อยู่ของท่านมีทรงสมบัติและได้อภิญญา แต่ไม่ได้เข้าฌานตาย ผมขอยกตัวอย่างบางตอนที่หลวงพ่อท่านเล่าไว้ใน หนังสือธรรมปฏิบัติเล่ม ๑๐ หน้า ๔๔-๔๘ ขอคัดบางตอนที่ตรงประเด็นดังนี้


...ก็เป็นอันว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททำบุญวันนี้ ๒ อย่าง ใช้ทั้งข้าวสุก และข้าวสาร คนที่ใส่บาตรข้าวสารระวังให้ดีนะตายไปท้องขึ้นนะ แต่ความจริงเขามีผล ข้าวสารใช้วันหลังได้ใช่ไหม



แต่ว่าบุญใส่บาตรข้าวสุกก็ดี ทำบุญใส่ข้าวสารก็ดี ด้วยปัจจัยเงินทองก็ตาม หรือดอกไม้จัดเป็นการบูชา ถือว่าเป็นพุทธบูชา คือบูชาพระพุทธเจ้าด้วย เป็น ธรรมะบูชา บูชาพระธรรมด้วย เป็น สังฆบูชา บูชาพระอริยสงฆ์ด้วย ถ้าจัดเป็นทานทุกส่วนที่ท่านทำเป็นสังฆทานทั้งหมด


และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสังฆทานนี่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายมีอานิสงส์มากเป็นกรณีพิเศษ องค์สมเด็จพระบรมโลกเชิษฐ์ตรัสว่า 



"การถวายทานกับพระองค์ ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่าสังฆทาน ๑ ครั้ง"



เห็นไหม บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททำบุญเมื่อวานก็ดี วันนี้ก็ดี เป็นการถวายสังฆทาน ถวายกับพระกลุ่มใหญ่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการถวายสังฆทานนี่ทุกคนถ้าเวลาจะตาย จิตใจนึกถึงสังฆทานที่ท่านถวายแล้ว ถวายวันนี้ก็ตาม วันก่อนก็ตาม วันพระทุกวันพระที่ท่านมาใส่บาตรเป็นการถวายสังฆทานเหมือนกัน



รวมความว่าสังฆทานนี่มีอานิสงส์ใหญ่ ถ้าตายจากความเป็นคน ที่อยู่ของคนถวายสังฆทานก็คือ ชั้นนิมมานรดี ชั้นที่ ๕แต่ว่าส่วนใหญ่คนถวายสังฆทานไปเกิด "ชั้นดาวดึงส์"กันมาก เพราะอะไร เพราะว่าไม่รู้จักชั้นที่ ๕ จิตใจตั้งใจจะไปดาวดึงส์ก็ไปอยู่ดาวดึงส์ อย่างตัวอย่างมีอยู่ในพระไตรปิฏกมีอยู่ว่า



ในสมัยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระชนม์อยู่ เวลานั้นมีหญิง ๒ คน พี่สาวชอบถวายทานเฉพาะพระสงฆ์ที่เขาชอบ เขาชอบองค์ไหนก็ถวายองค์นั้น ก็ได้บุญใหญ่ โดยมากส่วนมากเวลานั้นมีพระอรหันต์ อานิสงส์สูง



ทีนี้น้องสาวจะถวายทานบ้าง เจอะพระอรหันต์องค์หนึ่งท่านบอกว่า ถวายทานอาตมาน่ะดีอานิสงส์มาก เพราะอาตมาเป็นพระอรหันต์ แต่ว่าถึงแม้จะเป็นพระอรหันต์ก็ตาม การถวายทานมีอานิสงส์สู้ถวายสังฆทานไม่ได้ ขอให้โยมถวายเป็นสังฆทานเถอะ โยมคนนั้นก็ถวายเป็นสังฆทาน



เมื่อตายแล้วต่างคนก็ต่างเข้าไปสู่สวรรค์ พี่สาวชอบถวายทานเป็นส่วนบุคคล เลยไปเกิดเป็นนางฟ้าบน สวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก น้องสาวไปเกิดบน ชั้นนิมมานรดี ชั้นที่ ๕ ก็มีรัศมีกายสว่างกว่า สวยกว่าพี่สาวมาก



วันหนึ่งน้องสาวมาเยี่ยมพี่สาวที่ ชั้นดาวดึงส์ ยืนคุยกัน พระอินทร์ ก็มองดูคิดว่า นางฟ้าองค์นี้มาจากไหน สวยมาก แสงสว่างก็มาก เครื่องประดับตัวก็สวย เมื่อน้องสาวลากลับไปแล้ว พระอินทร์ก็เรียกพี่สาวมาหา



ถามว่า "นางฟ้าที่มาคุยกับเธอเมื่อกี้มาจากไหน"



เธอก็ตอบว่า "มาจากชั้นนิมมานรดี ชั้นที่ ๕ เขาเป็นน้องสาว"



พระอินทร์ก็ถามว่า "ในสมัยที่เป็นมนุษย์ เธอชอบทำบุญอะไร จึงมีรูปร่างหน้าตาสวย เครื่องแต่งกายก็สวยมาก แสงสว่างก็สว่างมาก"


เธอก็บอกว่า "น้องสาวชอบถวายสังฆทาน"

นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท เฉพาะสังฆทานน่ะ ตายจากความเป็นคนไปเกิดชั้นที่ ๕ ของสวรรค์ ถ้ากลับมาเกิดเป็นคนเมื่อไหร่ องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาตรัสว่า >>>

"คนที่ถวายสังฆทานแล้วครั้งหนึ่งในชีวิต แม้แต่ครั้งเดียว ถวายด้วยศรัทธาแท้ ในสถานที่ใดที่เต็มไปด้วยความยากจนเข็ญใจมีความแร้นแค้น คนถวายสังฆทานแล้วจะไม่ไปเกิดที่นั่น ในดินแดนเต็มไปด้วยความร่ำรวยมีความสุข มีทั้งความอุดมสมบูรณ์ จะเกิดที่นั่น"

เป็นอันว่า คนที่ถวายสังฆทาน บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน วันนี้ท่านถวายสังฆทานกันแล้ว ผลที่จะพึงได้ก็คือ

๑. เกิดเป็นนางฟ้า หรือเทวดาชั้นที่ ๕

ประการที่ ๒ ท่านเกิดใหม่กี่ชาติก็ตาม ยังไม่ถึงนิพพานเพียงใด คำว่ายากจนเข็ญใจจะไม่มีในท่าน

แล้วก็ประการที่ ๓ ที่ทายกบอกว่า มะตะกะ ภัตตานิ การถวายวันนี้ถวายให้แก่คนตาย วันนี้พระยายมปล่อยคน ปล่อยเฉพาะคนที่รอการสอบสวน สัตว์นรกปล่อยไม่ได้นะ เปรต อสุรกาย ปล่อยไม่ได้ ปล่อยเฉพาะคนที่รอการสอบสวน คนที่ตายไปแล้วมีบุญน้อยพอสมควร มีบาปน้อย ไม่แน่ใจว่าจะไปสวรรค์นรก ก็ไปรอการสอบสวนก่อน แต่รอมากนับแสน แต่การรอของสัตว์พวกนี้ก็รอนานเพราะว่า ๕๐ ปีของเราเป็น ๑ วันในเขตของพระยายม

ฉะนั้นวันนี้ปล่อยสัตว์ออกมา ขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายถ้วนหน้า หลังจากทำบุญจบแล้วให้ตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้แก่บุคคลทั้งหลายเหล่านั้น ที่ใช่ญาติไม่ใช่ญาติ ตั้งใจโดยเฉพาะนะ ถ้าญาติออกชื่อได้จะดีมาก ถ้าออกชื่อได้นี่เขาได้แน่นอน จะพ้นการสอบสวนไปสวรรค์ทันที

สำหรับที่ไม่ใช่ญาติ หรือญาติออกชื่อไม่ได้ ก็นึกในใจก็แล้วกันว่า ญาติก็ดี ไม่ใช่ญาติก็ดี ที่มีความสุขก็ตาม มีความทุกข์ก็ตาม ขอให้โมทนาผลบุญที่เราทำในวันนี้ ถ้าเขามีโอกาสโมทนาได้ เขาจะมีความสุข ละจากสภาพจากความเป็นสัมภเวสีไปสวรรค์ทันที...

ขอบคุณข้อมูลดีๆจากhttp://board.palungjit.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น